Saturday, May 4, 2019

หน่วยที่ 3 พยัญชนะและสระไทย

พยัญชนะไทย

          พยัญชนะไทยในปัจจุบันมี ๔๔ ตัว แต่ใช้เพียง ๔๒ ตัว โดยมีพยัญชนะที่ไม่ได้ใช้ตั้งแต่ปี พ..๒๔๔๕ อยู่ ๒ ตัว ได้แก่ ฃ ฅ (กรมวิชาการ, ๒๕๔๕ : ๖๙) พยัญชนะไทย มี ๒๑ เสียง ๔๔ รูปดังนี้
ที่                                      เสียง                        รูป            
๑                                       ก                             ก
๒                                       ค                             ข ฃ ค ฅ ฆ
๓                                       ง                              ง
๔                                       จ                             จ
๕                                       ช                             ช ฌ ฉ
๖                                       ซ                             ซ ส ศ ษ
๗                                      ด                             ด ฎ
๘                                      ต                             ต ฏ
๙                                      ท                             ท ธ ฑ ฒ ถ ฐ
๑๐                                    น                             น ณ
๑๑                                    บ                             บ
๑๒                                    ป                             ป
๑๓                                    พ                            พ ภ ผ
๑๔                                    ฟ                            ฟ ฝ
๑๕                                    ม                             ม
๑๖                                    ย                             ญ ย
๑๗                                   ร                              ร
๑๘                                   ล                              ล ฬ
๑๙                                   ว                               ว
๒๐                                   ฮ                               ห ฮ
๒๑                                   อ                               อ



พยัญชนะไทย มีลักษณะเฉพาะที่สำคัญ ได้แก่
. หัวมีแวว (หัวมีลักษณะเป็นวง) มี ๒ แบบ ได้แก่ แบบหัวเข้า เช่น ฒ ญ ผ ย เป็นต้น ส่วนอีกแบบ คือ แบบหัวออก เช่น น ภ บ ห เป็นต้น. หัวสองชั้น มีลักษณะคล้ายแบบหัวเข้า แต่เมื่อเขียนหัวครบวงแล้ว เขียนวนต่ออีกเกือบรอบ มี ๒ ตัวได้แก่ ข ช
. หัวหยักหรือหัวแตก มีลักษณะคล้ายแบบหัวสองชั้น แต่เพิ่มรอยหยัก มี ๔ ตัว ได้แก่ ฃ ซ ฆ ฑ
. ไม่มีหัว มี ๒ ตัว ได้แก่ ก ธ


สระไทย

ปัจจุบันสระในภาษาไทย มีการแบ่งรูปและเสียงต่างกันเป็น ๒ ลักษณะ


. หนังสือหลักภาษาไทย ของพระยาอุปกิตศิลปสาร กล่าวถึงรูปสระและเสียงสระในภาษาไทย






ว่ามี ๒๑ รูป ได้แก่


) -ะ เรียกว่า วิสรรชนีย์                                                   ๑๒) - เรียกว่า ไม้ม้วน

) - เรียกว่าไม้หันอากาศ                                            ๑๓) - เรียกว่า ไม้มลาย

) - ็ เรียกว่า ไม้ไต่คู้                                                     ๑๔) - เรียกว่า ไม้โอ

) -า เรียกว่า ลากข้าง                                                    ๑๕) -อ เรียกว่า ตัวออ

) - ิ เรียกว่า พินท์อิ                                                     ๑๖) -ย เรียกว่า ตัวยอ

)  เรียกว่าฝนทอง                                                     ๑๗) -ว เรียกว่า ตัววอ

) ° เรียกว่า นฤคหิตหรือหยาดน้ำค้าง                            ๑๘) ฤ เรียกว่า ตัวรึ

) " เรียกว่า ฟันหนู                                                      ๑๙) ฤๅ เรียกว่า ตัวรือ

) - ุ เรียกว่า ตีนเหยียด                                              ๒๐) ฦ เรียกว่า ตัวลึ

๑๐) - ู เรียกว่า ตีนคู้                                                   ๒๑) ฦๅ เรียกว่า ตัวลือ

๑๑) - เรียกว่า ไม้หน้า


วิธีใช้รูปสระ สามารถใช้ได้ ๒ วิธี คือ ใช้สระรูปเดียวและสระหลายรูปประสมกัน ส่วนเสียงตาม


ตำราอักขรวิธีดั้งเดิมของไทย กล่าวว่า ในภาษาไทยมีสระ ๒๑ รูป แทนเสียงได้ถึง ๓๒ เสียง ดังนี้


) อะ                                       ๑๒) แอ                                ๒๓) เออะ

) อา                                       ๑๓) เอียะ                             ๒๔) เออ

) อิ                                        ๑๔) เอีย                                ๒๕) อำ

) อี                                        ๑๕) เอือะ                               ๒๖) ใอ

) อึ                                        ๑๖) เอือ                                ๒๗) ไอ

) อื                                       ๑๗) อัวะ                                ๒๘) เอา

) อุ                                      ๑๘) อัว                                  ๒๙)

) อู                                      ๑๙) โอะ                                  ๓๐) ฤๅ

) เอะ                                    ๒๐) โอ                                   ๓๑)

๑๐) เอ                                   ๒๑) เอาะ                                ๓๒) ฦๅ


๑๑) แอะ                                ๒๒) ออ


. หนังสือบรรทัดฐานภาษาไทย เล่ม ๑ (กรมวิชาการ : ๒๕๔๕) กล่าวว่า สระในภาษาไทย






มีรูปสระที่ใช้แทนเสียง จำนวน ๓๖ รูป ดังนี้


) - เรียกว่าไม้ไต่คู้                  ๑๙) -ะ เรียกว่า สระ โอะ
) -ะ เรียกว่า สระ อะ                    ๒๐) - เรียกว่า สระ โอ
) - เรียกว่าไม้หันอากาศ          ๒๑) -าะ เรียกว่า สระ เอาะ
) -า เรียกว่า สระ อา                    ๒๒) -อ เรียกว่า สระ ออ
) -ำ เรียกว่า สระ อำ                 ๒๓) - ็อ เรียกว่า สระ ออ กับไม้ไต่คู้
) - ิ เรียกว่า สระ อิ                    ๒๔) -อะ เรียกว่า สระ เออะ
) - ี เรียกว่า สระ อี                   ๒๕) -อ เรียกว่า สระ เออ
) - ึ เรียกว่า สระ อึ                    ๒๖) - ิ เรียกว่า สระ เออ
) - ื เรียกว่า สระ อือ                 ๒๗) - ียะ เรียกว่า สระเอียะ
๑๐) - ือ เรียกว่า สระ อือ - ออ      ๒๘) - ีย เรียกว่า สระ เอีย
๑๑) - ุ เรียกว่า สระ อุ                  ๒๙) - ือะ เรียกว่า สระ เอือะ
๑๒) - ู เรียกว่า สระ อู                  ๓๐) - ือ เรียกว่า สระ เอือ
๑๓) -ะ เรียกว่า สระ เอะ                ๓๑) -ัวะ เรียกว่า สระ อัว
๑๔) - เรียกว่า สระ เอ                   ๓๒) -ัว เรียกว่า สระ อัว
๑๕) - ็ เรียกว่า สระ เอ กับไม้ไต่คู้ ๓๓) -ว เรียกว่า ตัว วอ
๑๖) -ะ เรียกว่า สระ แอะ               ๓๔) - เรียกว่า สระ ใอไม้ม้วน
๑๗) - เรียกว่า สระ แอ                 ๓๕) - เรียกว่า สระ ไอไม้มลาย
) - ็ เรียกว่า สระ แอกับไม้ไต่คู้   ๓๖) -า เรียกว่า สระ เอา



Tuesday, April 30, 2019

หน่วยที่ 9 ประโยค


Image result for ประโยคในภาษาไทย



          ประโยค หมายถึง ถ้อยคำหลายคำที่นำมาเรียงกันแล้วเกิดใจความสมบูรณ์ ซึ่งประกอบไปด้วยภาคประธาน และภาคแสดง ใช้ติดต่อสื่อสารกันได้ทั้งทางภาษาเขียน หรือภาษาพูด แต่การใช้ภาษาพูดในสถานการณ์ต่างๆกัน อาจละเว้นส่วนหนึ่งส่วนใดได้ในฐานที่เข้าใจกันระหว่างผู้พูด และผู้ฟัง ลักษณะของประโยคต่างๆ จำแนกตามโครงสร้าง ดังต่อไปนี้




. ประโยคความเดียว (เอกรรถประโยค)


Related image
         

         ประโยคความเดียว (เอกรรถประโยค) หมายถึง ประโยคที่กล่าวถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียวและสิ่งนั้นแสดงกริยาอาการ หรืออยู่ในสภาพอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ประโยคประกอบด้วยภาคประธาน และภาคแสดง เช่น
Related image
Add caption
รูปประโยคความเดียว แบ่งได้เป็น ๔ แบบ ดังนี้

.๑ ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยผู้กระทำ เช่น

- แม่ทำกับข้าว

- ยายป้อนข้าวน้อง

.๒ ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยผู้ถูกกระทำ เช่น

- กระดาษถูกครูตัด

- ต้นไม้ถูกปลูกหลายต้น

.๓ ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยกริยา เช่น

- เกิดเหตุการณ์จลาจลที่ต่างประเทศ

- ฝนตกหนักที่นนทบุรี
.๔ ประโยคเชิงคำสั่งและขอร้อง เช่น
- อย่าเดินลัดสนาม (คำสั่ง)
- กรุณาเดินชิดด้านใน (ขอร้อง)





          นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งรูปแบบของประโยคความเดียวตามลักษณะการสื่อสาร ได้แก่

ประโยคบอกเล่า
โดยมากประกอบด้วย ประธาน กริยา กรรม และอาจมีส่วนขยายต่างๆ เพื่อให้มีใจความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น
- ครูกำลังสอนหนังสือนักเรียนชั้น ป.
Image result for รุปการ์๖ุนครูกําลังสอน


- ฉันเดินไปตลาดนัดคนเดียว
Image result for รูปการ์ตูนไปตลาด



ประโยคปฏิเสธ โดยมากมักมีคำว่า ไม่ มิใช่ หามิได้ ประกอบตัวแสดง เช่น

- เขาไม่ได้มาหาฉันนานแล้ว


- ผมไม่ชอบกินผัก
Image result for รูปการ์ตูน ไม่กินผัก









ประโยคคำสั่งและขอร้อง โดยมากจะละประธานไว้ในฐานที่เข้าใจ มีเฉพาะแต่แสดง เช่น

- โปรดฟังทางนี้
Related image

 - ทำงานบ้านเดี๋ยวนี้
Image result for รุปการ์ตูน แม่เลี้ยงใจร้ายสั่งให้ทำงาน















- กรุณาถอดรองเท้า
Image result for รูปการ์ตูน กรุณาถอดร้องเท้า


ประโยคคำถาม โดยมากจะมีคำถามกำกับอยู่ต้น หรือท้ายประโยค เช่น
- หนูนาชอบกินอะไร
Related image
- เธอเรียนอยู่ชั้นไหน
Related image








- หนูเป็นลูกของใคร


Image result for รุปการ์ตูน คนแก่คุยกับเด็ก



. ประโยคความรวม (อเนกรรถประโยค)
Related image


          ประโยคความซ้อน หมายถึง ประโยคที่รวมประโยคความเดียวตั้งแต่ ๒ ประโยคขึ้นไป โดยมีคำสันธาน เช่น และแต่ หรือ ก็ เป็นตัวเชื่อม ประโยคความรวมมี ๔ ชนิด ได้แก่
.๑ ประโยคความรวมแบบคล้อยตาม จะมีเนื้อหาคล้อยตามกัน เช่น







- พนักงานดับไฟสงบแล้วจึงเข้าไปตรวจในพื้นที่

- ครั้นถูกครูดุแล้วเขาจึงตั้งใจเรียน


.๒ ประโยคความรวมแบบขัดแย้ง จะมีเนื้อความขัดแย้งกัน เช่น


- กว่าเขาจะสำนึกได้ก็สายไปเสียแล้ว


- เธอเป็นคนปากหวานแต่ก็ไม่จริงใจ


.๓ ประโยคความรวมแบบเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง จะมีเนื้อความขัดแย้งกัน เช่น


- ไม่เขาก็เธอต้องออกไปพูดหน้าห้อง


- คุณต้องการดื่มชาหรือกาแฟ

. ประโยคความซ้อน (สังกรประโยค)
Related image




          ประโยคความซ้อน คือ ประโยคที่มีใจความหลักประโยคหนึ่ง แล้วมีประโยคย่อยอีกประโยคหนึ่งซ้อนอยู่ ซึ่งประโยคย่อยนั้นอาจทำหน้าที่เป็นคำนาม ขยายนาม หรือสรรพนาม หรือขยายกริยาหรือวิเศษณ์ ประโยคความซ้อนมี ๓ ชนิด ได้แก่

.๑ นามานุประโยค
คือ ประโยคย่อยที่ทำหน้าที่แทนนาม ซึ่งนามนั้นอาจทำหน้าที่เป็นประธาน กรรม หรือส่วนเติมเต็มในประโยคก็ได้ เช่น- คนเห็นแก่ตัวเป็นคนที่สังคมรังเกียจ

- ผมชอบมองนกนางนวลบินโฉบไปมา
- นักเรียนที่สอบได้ที่ ๑ ให้ออกมารับรางวัล
- ท่านพุทธทาสภิกขุสอนว่าสิ่งทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นถือมั่น


.๒ คุณานุประโยค คือ ประโยคย่อยที่ทำหน้าที่ขยายนามหรือสรรพนาม โดยมีประพันธสรรพนามที่ ซึ่ง อัน ผู้ เป็นตัวเชื่อม เช่น
- ฉันได้รับรางวัลที่ราคาไม่แพงแต่มากด้วยคุณค่าทางจิตใจ
- เราพึงระวังความเสียงต่างๆ อันจะนำไปสู่โรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่
- เธอเป็นคนเหนือผู้ซึ่งอยากไปทำงานในภาคใต้


.๓ วิเศษณานุประโยค คือ ประโยคย่อยที่ทำหน้าที่ขยายกริยา หรือวิเศษณ์ โดยมีคำประพันธวิเศษณ์เช่น อย่างที่ เมื่อ เพื่อ เพราะ ตาม จน ตั้งแต่ เป็นตัวเชื่อม เช่น
- เธอออกกำลังกายทุกวันเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
-
นักวิ่งเป็นลมเมื่อวิ่งมาถึงเส้นชัย

- รถติดในกรุงเทพฯ เพราะมีรถมากกว่าถนน
- เขาเขียนหนังสือตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตก