ความคิดเห็นเทคโนโลยีการศึกษากับครูไทยในศตวรรษที่ 21
เนื่องจากโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สังคมแห่งการเรียนรู้ไม่มีวันหยุดนิ่ง
สังคมโลกกลายเป็นสังคมความรู้หรือสังคมแห่งการเรียนรู้องค์กรทางการศึกษา
จึงต้องปรับตัวให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้โดยพึงตระหนักว่าคุณภาพการศึกษาขึ้นอยู่กับคุณภาพครูเป็นหลัก
ดังนั้น ครูและบุคลากรทางการศึกษาจึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญทั้งทางตรงและทางอ้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ความสามารถให้แก่ศิษย์
รวมทั้งพัฒนาศิษย์ให้เป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ จึงเห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปรับวัตถุประสงค์ของการผลิตและพัฒนาครูโดยมุ่งเน้นให้ครูสามารถออกแบบการเรียนรู้
จัดการเรียนรู้ และประเมินผลการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับลักษณะของผู้เรียนและภาวการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
รวมทั้งประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน
เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนทั้งความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่จำเป็นสําหรับการเป็นพลเมืองในศตวรรษที่
21
สภาพปัจจุบันด้านเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
แนวทางการพัฒนา ICT เพื่อการศึกษา ดังนี้
1)การจัดหาระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพื่อการเรียนการสอนของสถานศึกษา ทั้งคอมพิวเตอร์ประจำห้องปฏิบัติการ คอมพิวเตอร์ประจำห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและคอมพิวเตอร์พกพาเพื่อการศึกษาสำหรับใช้ในการเรียนการสอน
ในส่วนของดิฉันคิดว่าในข้อนี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีคือทำให้เด็กนักเรียนหาข้อมูลและเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างกว้างขว้างและสะดวกรวดเร็ว ข้อเสียคือถ้านักเรียนนำไปใช่ในทางที่ผิดและหมกหมุ่นกับมันมากเกินไปจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
2) การพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคมเพื่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน การบูรณาการโครงข่าย MOENet และ NEdNet ให้เป็นโครงข่ายเดียว โดยใช้ชื่อว่า OBEC-NET สำหรับใช้เป็นเครือข่ายเพื่อการศึกษาและวิจัย โดยเชื่อมต่อโรงเรียนต่างๆ ไว้กับศูนย์ข้อมูลของ สพฐ. OBEC Data Center เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลและบริหารจัดการ
ในส่วนของข้อนี้ดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะสามารถเชื่อมต่อจากแหล่งข้อมูลได้ไว้งและง่ายต่อการบริหารจัดการ
3) การพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบสื่อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ e-Book หรือApplications ต่างๆ
ในส่วนของข้อนี้ดิฉันคิดว่าค่อนข้างดีเพราะมันจะง่ายต่อการสืบค้น
แนวทางการพัฒนา ICT เพื่อการศึกษา ดังนี้
1)การจัดหาระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เพื่อการเรียนการสอนของสถานศึกษา ทั้งคอมพิวเตอร์ประจำห้องปฏิบัติการ คอมพิวเตอร์ประจำห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและคอมพิวเตอร์พกพาเพื่อการศึกษาสำหรับใช้ในการเรียนการสอน
ในส่วนของดิฉันคิดว่าในข้อนี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีคือทำให้เด็กนักเรียนหาข้อมูลและเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างกว้างขว้างและสะดวกรวดเร็ว ข้อเสียคือถ้านักเรียนนำไปใช่ในทางที่ผิดและหมกหมุ่นกับมันมากเกินไปจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
2) การพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคมเพื่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน การบูรณาการโครงข่าย MOENet และ NEdNet ให้เป็นโครงข่ายเดียว โดยใช้ชื่อว่า OBEC-NET สำหรับใช้เป็นเครือข่ายเพื่อการศึกษาและวิจัย โดยเชื่อมต่อโรงเรียนต่างๆ ไว้กับศูนย์ข้อมูลของ สพฐ. OBEC Data Center เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลและบริหารจัดการ
ในส่วนของข้อนี้ดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะสามารถเชื่อมต่อจากแหล่งข้อมูลได้ไว้งและง่ายต่อการบริหารจัดการ
3) การพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบสื่อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ e-Book หรือApplications ต่างๆ
ในส่วนของข้อนี้ดิฉันคิดว่าค่อนข้างดีเพราะมันจะง่ายต่อการสืบค้น
ครูไทยในอนาคต
ดิฉันด้วยกับแนวคิดที่ว่าการสอนในศตวรรษที่ 21 ต้องออกแบบให้นักเรียนได้เป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตนเองมากกว่าการรับการถ่ายทอดจากครูผู้สอน (Construc-tivism) โดยออกแบบให้นักเรียนได้ค้นหาความรู้ด้วย
ตนเอง วิเคราะห์ข้อมูล ตรวจสอบข้อมูล และสรุปเป็นองค์ความรู้ รูปแบบการเรียนการสอนแบบนี้ เช่น การสอนแบบสืบเสาะ (Inquiry Learning) การสอนแบบปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning) การสอนแบบ
วิจัยเป็นฐาน (Research-Based Learning) หากต้องการให้นักเรียนสามารถจดจำความรู้เหล่านั้นได้ดีขึ้นและเกิดทักษะต่างๆ จากการปฏิบัติ ครูควรออกแบบการสอนให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ด้วยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน และเผยแพร่ความรู้และนวัตกรรมที่ได้สู่สาธารณชน โดยอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเรียนการสอนและการปฏิบัติกิจกรรม รูปแบบการสอนแบบนี้เช่น การสอนแบบโครงงานเป็นฐาน (Project-Based) การออกแบบตามรูปแบบการสอนเหล่านี้ จะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดทักษะต่างๆ ที่สำคัญ เช่นทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทักษะการเรียนรู้และทำงานร่วมกัน ทักษะการสื่อสาร ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณทักษะการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ซึ่งทักษะต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นทักษะที่จำเป็นในการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21
นอกจากนี้ ดิฉันก็คิดว่าครูเองก็ต้องพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของตนเอง ซึ่งมี 8 ประการ คือ
1. Content ครูต้องมีความรู้และทักษะในเรื่องที่สอนเป็นอย่างดี หากไม่รู้จริงในเรื่องที่สอนแล้ว ก็ยากที่นักเรียนจะมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหานั้นๆ(ดิฉันเห็นด้วยเพราะถ้าผู้ส่งสารไม่เข้าใจก็ยากที่ผู้รับสารจะเข้าใจ)
2. Computer (ICT) Integration ครูต้องมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดการเรียนการสอนเนื่องจากกิจกรรมการเรียนการสอนที่ใช้เทคโนโลยีจะช่วยกระตุ้นความสนใจให้กับนักเรียน และหากออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยส่งเสริมความรู้และทักษะที่ต้องการได้เป็นอย่างดี
(ดิฉันเห็นด้วยเพราะถ้าแค่สั่งงานให้นักเรียนทำอย่างเดียวโดยไม่มีกิจกรรมที่น่าสนใจมาแทรกก็จะทำให้นักเรียนเบื่อไม่อยากทำส่งผลให้ไม่เกิดการเรียนรู้)
3. Constructionist ครูผู้สอนต้องเข้าใจแนวคิดที่ว่าผู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตัวเอง โดยเชื่อมโยงความรู้เดิมที่มีอยู่ภายในเข้ากับการได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ดังนั้น ครูจึงควรนำแนวคิดนี้ไปพัฒนาวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้ที่คงทนและเกิดทักษะที่ต้องการ(เห็นด้วยที่จัดกิจกรรมเพื่อย้ำความจำเพื่อเป็นการทบทวนความรู้ให้กับนักเรียน)
4. Connectivity ครูต้องสามารถจัดกิจกรรมให้เชื่อมโยงระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ผู้เรียนกับครู ครูภายในสถานศึกษาเดียวกันหรือต่างสถานศึกษา ระหว่างสถานศึกษา และสถานศึกษากับชุมชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติอันจะก่อให้เกิดประสบการณ์ตรงกับนักเรียน(เห็นด้วยที่ส่งเสริมให้นักเรียนทำงานเชื่อมโยงกับผู้อื่นที่ไม่สนิทได้)
5. Collaboration ครูมีบทบาทในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในลักษณะการเรียนรู้แบบร่วมมือระหว่างนักเรียนกับครู และนักเรียนกับนักเรียนด้วยกัน เพื่อฝึกทักษะการทำงานเป็นทีม การเรียนรู้ด้วยตนเอง และทักษะสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง(เห็นด้วยกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนได้ลองทำงานเป็นทีมกับผู้อื่น)
6. Communication ครูต้องมีทักษะการสื่อสารทั้งการบรรยาย การยกตัวอย่าง การเลือกใช้สื่อ และการนำเสนอ รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียนได้อย่างเหมาะสม(เห็นด้วยเพราะเรื่องบางเรื่องนักเรียนก็ต้องการคำอธิบายที่ชัดเจนเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด)
7. Creativity ครูต้องออกแบบสร้างสรรค์กิจกรรมการเรียนรู้ จัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้เรียนมากกว่าการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้หน้าห้องเพียงอย่างเดียว(เห็นด้วยเพราะบรรยากาศในห้องก็เป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่อการเรียน เราควรจัดห้องเรียนหรือหมุนเปลี่ยนสถานที่การเรียนเพื่อสร้างบรรยากาศให้น่าเรียนมากขึ้น)
8. Caring ครูต้องมีมุทิตาจิตต่อนักเรียน ต้องแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใยอย่างจริงใจต่อนักเรียนเพื่อให้นักเรียนเกิดความเชื่อใจ ส่งผลให้เกิดสภาพการเรียนรู้ตื่นตัวแบบผ่อนคลาย ซึ่งเป็นสภาพที่นักเรียนจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด(เห็นด้วยเพราะถ้านักเรียนเห็นคุณครูที่อ่อนโยนมรความเมตตาก็จะทำให้เกิดความผ่อนคลายและเกิดความรู้สึกที่อยากจะเรียนกับครูคนนี้อีก)
ดิฉันด้วยกับแนวคิดที่ว่าการสอนในศตวรรษที่ 21 ต้องออกแบบให้นักเรียนได้เป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตนเองมากกว่าการรับการถ่ายทอดจากครูผู้สอน (Construc-tivism) โดยออกแบบให้นักเรียนได้ค้นหาความรู้ด้วย
ตนเอง วิเคราะห์ข้อมูล ตรวจสอบข้อมูล และสรุปเป็นองค์ความรู้ รูปแบบการเรียนการสอนแบบนี้ เช่น การสอนแบบสืบเสาะ (Inquiry Learning) การสอนแบบปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning) การสอนแบบ
วิจัยเป็นฐาน (Research-Based Learning) หากต้องการให้นักเรียนสามารถจดจำความรู้เหล่านั้นได้ดีขึ้นและเกิดทักษะต่างๆ จากการปฏิบัติ ครูควรออกแบบการสอนให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ด้วยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน และเผยแพร่ความรู้และนวัตกรรมที่ได้สู่สาธารณชน โดยอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเรียนการสอนและการปฏิบัติกิจกรรม รูปแบบการสอนแบบนี้เช่น การสอนแบบโครงงานเป็นฐาน (Project-Based) การออกแบบตามรูปแบบการสอนเหล่านี้ จะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดทักษะต่างๆ ที่สำคัญ เช่นทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทักษะการเรียนรู้และทำงานร่วมกัน ทักษะการสื่อสาร ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณทักษะการคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ซึ่งทักษะต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นทักษะที่จำเป็นในการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21
นอกจากนี้ ดิฉันก็คิดว่าครูเองก็ต้องพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของตนเอง ซึ่งมี 8 ประการ คือ
1. Content ครูต้องมีความรู้และทักษะในเรื่องที่สอนเป็นอย่างดี หากไม่รู้จริงในเรื่องที่สอนแล้ว ก็ยากที่นักเรียนจะมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหานั้นๆ(ดิฉันเห็นด้วยเพราะถ้าผู้ส่งสารไม่เข้าใจก็ยากที่ผู้รับสารจะเข้าใจ)
2. Computer (ICT) Integration ครูต้องมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดการเรียนการสอนเนื่องจากกิจกรรมการเรียนการสอนที่ใช้เทคโนโลยีจะช่วยกระตุ้นความสนใจให้กับนักเรียน และหากออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยส่งเสริมความรู้และทักษะที่ต้องการได้เป็นอย่างดี
(ดิฉันเห็นด้วยเพราะถ้าแค่สั่งงานให้นักเรียนทำอย่างเดียวโดยไม่มีกิจกรรมที่น่าสนใจมาแทรกก็จะทำให้นักเรียนเบื่อไม่อยากทำส่งผลให้ไม่เกิดการเรียนรู้)
3. Constructionist ครูผู้สอนต้องเข้าใจแนวคิดที่ว่าผู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตัวเอง โดยเชื่อมโยงความรู้เดิมที่มีอยู่ภายในเข้ากับการได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ดังนั้น ครูจึงควรนำแนวคิดนี้ไปพัฒนาวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนเกิดความรู้ที่คงทนและเกิดทักษะที่ต้องการ(เห็นด้วยที่จัดกิจกรรมเพื่อย้ำความจำเพื่อเป็นการทบทวนความรู้ให้กับนักเรียน)
4. Connectivity ครูต้องสามารถจัดกิจกรรมให้เชื่อมโยงระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ผู้เรียนกับครู ครูภายในสถานศึกษาเดียวกันหรือต่างสถานศึกษา ระหว่างสถานศึกษา และสถานศึกษากับชุมชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติอันจะก่อให้เกิดประสบการณ์ตรงกับนักเรียน(เห็นด้วยที่ส่งเสริมให้นักเรียนทำงานเชื่อมโยงกับผู้อื่นที่ไม่สนิทได้)
5. Collaboration ครูมีบทบาทในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในลักษณะการเรียนรู้แบบร่วมมือระหว่างนักเรียนกับครู และนักเรียนกับนักเรียนด้วยกัน เพื่อฝึกทักษะการทำงานเป็นทีม การเรียนรู้ด้วยตนเอง และทักษะสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง(เห็นด้วยกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนได้ลองทำงานเป็นทีมกับผู้อื่น)
6. Communication ครูต้องมีทักษะการสื่อสารทั้งการบรรยาย การยกตัวอย่าง การเลือกใช้สื่อ และการนำเสนอ รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียนได้อย่างเหมาะสม(เห็นด้วยเพราะเรื่องบางเรื่องนักเรียนก็ต้องการคำอธิบายที่ชัดเจนเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด)
7. Creativity ครูต้องออกแบบสร้างสรรค์กิจกรรมการเรียนรู้ จัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้เรียนมากกว่าการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้หน้าห้องเพียงอย่างเดียว(เห็นด้วยเพราะบรรยากาศในห้องก็เป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่อการเรียน เราควรจัดห้องเรียนหรือหมุนเปลี่ยนสถานที่การเรียนเพื่อสร้างบรรยากาศให้น่าเรียนมากขึ้น)
8. Caring ครูต้องมีมุทิตาจิตต่อนักเรียน ต้องแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใยอย่างจริงใจต่อนักเรียนเพื่อให้นักเรียนเกิดความเชื่อใจ ส่งผลให้เกิดสภาพการเรียนรู้ตื่นตัวแบบผ่อนคลาย ซึ่งเป็นสภาพที่นักเรียนจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด(เห็นด้วยเพราะถ้านักเรียนเห็นคุณครูที่อ่อนโยนมรความเมตตาก็จะทำให้เกิดความผ่อนคลายและเกิดความรู้สึกที่อยากจะเรียนกับครูคนนี้อีก)


สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่นี่จ้า