ความคิดเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตของครู
ดิฉันเห็นด้วยที่ว่าเทคโนโลยีในการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในสังคมยุคดิจิทัลโดยเฉพาะครูผู้ที่ทำหน้าที่ในการพัฒนาการศึกษาดังนั้น การพัฒนาให้ครูมีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะดิฉันคิดว่าการใช้เทคโนโลยีจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้
และเนื่องจากสภาวการณ์เปลี่ยนแปลงของโลกในด้านต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารส่งผลให้สังคมกลายเป็นสังคมยุคดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทำให้มีการหลั่งไหลของข้อมูลอย่างมหาศาลเกิดแหล่งเรียนรู้ ขนาดใหญ่รวดเร็วและต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงของสังคมอย่างรวดเร็วนี้จึงจำเป็ยที่บุคคลต้องมีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวในการใช้ชีวิตให้เข้ากับบริบททางสังคมยุคดิจิทัลได้ ในหลายประเทศให้ความสำคัญกับการศึกษาตลอดชีวิต (Lifelong Learning)
ประเทศไทยของเราได้ให้ความสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต เห็นได้จากวิสัยทัศน์ในกรอบแนวคิด แผนการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2560-2579 ที่ว่า “คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพดำรงชีวิตอย่างเป็นสุขสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21”และในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่12 (พ.ศ.2560-2564) หนึ่งในเป้าหมายของการพัฒนาคือ“คนไทยได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากลและสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง”
การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และการศึกษาตลอดชีวิต (Lifelong
Education) เป็นคำที่ใกล้เคียงกันมาก ซึ่งทั้งสองคำนี้มีความหมายไปในทิศทางเดียวกัน
รวมถึงนัยของความหมายในแต่ละช่วงเวลาแต่อาจมีข้อแตกต่างในทัศนะของผู้นำเสนอแนวคิดบ้างแต่ทั้งสองคำต่างนำไปสู่การยกระดับบุคคลมาสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน
นักการศึกษาที่ใช้“Lifelong Education” จะมองเรื่องการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เกิดกับผู้เรียนส่วนนักการศึกษาที่ใช้
“Lifelong Learning” จะมองเรื่องหลังจากการจัดการศึกษาแล้ว
ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตัวเองอย่างไรและเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างไร
ดิฉันคิดว่าทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตกับเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นปัจจัยสำคัญของครูในศตวรรษที่
21เพราะวิชาการมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ครูสั่งสอนลูกศิษย์ในวันนี้จะใช้ไม่ได้กับโลกอนาคต
เนื่องจากอาชีพที่จะเกิดขึ้นอนาคตจะเกิดอาชีพใหม่ๆ แบบที่คนในรุ่นปัจจุบันคาดเดาได้ยาก
ครูจึงต้องเป็นบุคคลที่ต้องเรียนรู้ให้ไปถึงชายขอบของพรหมแดนแห่งความรู้ในทุกเรื่องให้ได้ก่อนใครในสังคม
ดังนั้น เครื่องมือที่จะมารับใช้ในการทำให้การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทั้งแบบความรู้ที่อยู่ในตำราและการสังเคราะห์ความรู้ร่วมกันจนเกิดเป็นความรู้ติดตัว
ส่วนเครื่องมือสำคัญก็คือเทคโนโลยีสารสนเทศพวกเราครูในศตวรรษที่ 21 ควรปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของการจัดการเรียนการสอนเพื่อสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ใหม่อันประกอบด้วย
1.การจัดการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้มากกว่าที่จะเน้นว่าจะเรียนรู้อะไร การทำให้ผู้เรียนและครูร่วมกัน
2.การพัฒนาครูจะต้องปรับเปลี่ยนจากการเชิญครูไปเข้ารับการอบรมในหอประชุมขนาดใหญ่ควรจะต้องปรับเปลี่ยนเป็นการเน้นการเรียนรู้ที่หน้างานผ่านกระบวนการปฏิบัติจริงมีผู้รู้มาช่วยชี้แนะมีการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสารและเข้าถึงผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งข้อนี้เป้นข้อที่ดิฉันเห้นด้วยที่สุดเพราะแทนที่เราจะไปนั่งอบรมให้เวลาเสียเปล่าไปวันๆแต่เรากลับได้ลองทำจริงๆย้อมเกิดประโยชน์มากกว่า
3.การสร้างแรงบันดาลใจให้ครูเกิดความผูกพันและเชื่อมั่นกับการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเป็นเครื่องมือในการแสวงหาคำที่จำเป็นแสวงหาองค์ความรู้ใหม่ๆอย่างต่อเนื่องและมีความสุข สนุกกับการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสารสนเทศ ข้อนี้ดิฉันทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สิ่งที่เห็นด้วยคือการใช่เทคโนโลยีถูกประโยชน์ในการช่วยหาคำตอบในหลายๆเรื่อง สิ่งที่ไม่เห็นด้วยคือถ้าเราสนุกกับเทคโนโลยีไม่ถูกเวลาอาจเกิดโทษได้
4. การสร้างชุมชนเครือข่ายกลุ่มเพื่อนที่มีความสนใจ ความชอบคล้ายกันเป็น “ชุมชนเสมือน” (Virtual Community) เพื่อสร้างเพื่อนในโลกออนไลน์ทำให้เกิดกิจกรรมการแลกเปลี่ยนทัศนคติความเห็นความรู้ทำให้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมีชีวิตมีความหมายมีสีสันตื่นเต้นเร้าใจน่าติดตามมากยิ่งขึ้นทำให้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นเสมือนหนึ่งวัฒนธรรมการดำรงชีวิตที่จะขาดหายไม่ได้ ข้อนี้ดิฉันเห็นด้วยเพราะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกีนและกันขยายวงความรู้เก่า
ผลการพัฒนาครูให้มีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ดิฉันเห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่า เมื่อครูสามารถค้นหาความรู้ได้ด้วยตนเองตลอดเวลาแล้วผลที่ตามมาคือ การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของการจัดการเรียนการสอน การส่งต่อทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนและในอีก 20 ปี ข้างหน้า“ผู้เรียนทุกคนจะต้องมีทักษะในการพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการทำงาน ผู้เรียนต้องวางแผนเส้นทางอาชีพและการศึกษาของตนเองด้วยกระบวนการตัดสินใจที่มีข้อมูลผู้เรียนจะต้องพัฒนาทักษะที่เทคโนโลยียังไมสามารถทำได้”นั้นเอง
1.การจัดการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้มากกว่าที่จะเน้นว่าจะเรียนรู้อะไร การทำให้ผู้เรียนและครูร่วมกัน
2.การพัฒนาครูจะต้องปรับเปลี่ยนจากการเชิญครูไปเข้ารับการอบรมในหอประชุมขนาดใหญ่ควรจะต้องปรับเปลี่ยนเป็นการเน้นการเรียนรู้ที่หน้างานผ่านกระบวนการปฏิบัติจริงมีผู้รู้มาช่วยชี้แนะมีการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสารและเข้าถึงผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งข้อนี้เป้นข้อที่ดิฉันเห้นด้วยที่สุดเพราะแทนที่เราจะไปนั่งอบรมให้เวลาเสียเปล่าไปวันๆแต่เรากลับได้ลองทำจริงๆย้อมเกิดประโยชน์มากกว่า
3.การสร้างแรงบันดาลใจให้ครูเกิดความผูกพันและเชื่อมั่นกับการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเป็นเครื่องมือในการแสวงหาคำที่จำเป็นแสวงหาองค์ความรู้ใหม่ๆอย่างต่อเนื่องและมีความสุข สนุกกับการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสารสนเทศ ข้อนี้ดิฉันทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สิ่งที่เห็นด้วยคือการใช่เทคโนโลยีถูกประโยชน์ในการช่วยหาคำตอบในหลายๆเรื่อง สิ่งที่ไม่เห็นด้วยคือถ้าเราสนุกกับเทคโนโลยีไม่ถูกเวลาอาจเกิดโทษได้
4. การสร้างชุมชนเครือข่ายกลุ่มเพื่อนที่มีความสนใจ ความชอบคล้ายกันเป็น “ชุมชนเสมือน” (Virtual Community) เพื่อสร้างเพื่อนในโลกออนไลน์ทำให้เกิดกิจกรรมการแลกเปลี่ยนทัศนคติความเห็นความรู้ทำให้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมีชีวิตมีความหมายมีสีสันตื่นเต้นเร้าใจน่าติดตามมากยิ่งขึ้นทำให้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นเสมือนหนึ่งวัฒนธรรมการดำรงชีวิตที่จะขาดหายไม่ได้ ข้อนี้ดิฉันเห็นด้วยเพราะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกีนและกันขยายวงความรู้เก่า
ผลการพัฒนาครูให้มีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ดิฉันเห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่า เมื่อครูสามารถค้นหาความรู้ได้ด้วยตนเองตลอดเวลาแล้วผลที่ตามมาคือ การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของการจัดการเรียนการสอน การส่งต่อทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนและในอีก 20 ปี ข้างหน้า“ผู้เรียนทุกคนจะต้องมีทักษะในการพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการทำงาน ผู้เรียนต้องวางแผนเส้นทางอาชีพและการศึกษาของตนเองด้วยกระบวนการตัดสินใจที่มีข้อมูลผู้เรียนจะต้องพัฒนาทักษะที่เทคโนโลยียังไมสามารถทำได้”นั้นเอง
No comments:
Post a Comment