Tuesday, April 30, 2019

หน่วยที่ 9 ประโยค


Image result for ประโยคในภาษาไทย



          ประโยค หมายถึง ถ้อยคำหลายคำที่นำมาเรียงกันแล้วเกิดใจความสมบูรณ์ ซึ่งประกอบไปด้วยภาคประธาน และภาคแสดง ใช้ติดต่อสื่อสารกันได้ทั้งทางภาษาเขียน หรือภาษาพูด แต่การใช้ภาษาพูดในสถานการณ์ต่างๆกัน อาจละเว้นส่วนหนึ่งส่วนใดได้ในฐานที่เข้าใจกันระหว่างผู้พูด และผู้ฟัง ลักษณะของประโยคต่างๆ จำแนกตามโครงสร้าง ดังต่อไปนี้




. ประโยคความเดียว (เอกรรถประโยค)


Related image
         

         ประโยคความเดียว (เอกรรถประโยค) หมายถึง ประโยคที่กล่าวถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียวและสิ่งนั้นแสดงกริยาอาการ หรืออยู่ในสภาพอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ประโยคประกอบด้วยภาคประธาน และภาคแสดง เช่น
Related image
Add caption
รูปประโยคความเดียว แบ่งได้เป็น ๔ แบบ ดังนี้

.๑ ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยผู้กระทำ เช่น

- แม่ทำกับข้าว

- ยายป้อนข้าวน้อง

.๒ ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยผู้ถูกกระทำ เช่น

- กระดาษถูกครูตัด

- ต้นไม้ถูกปลูกหลายต้น

.๓ ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยกริยา เช่น

- เกิดเหตุการณ์จลาจลที่ต่างประเทศ

- ฝนตกหนักที่นนทบุรี
.๔ ประโยคเชิงคำสั่งและขอร้อง เช่น
- อย่าเดินลัดสนาม (คำสั่ง)
- กรุณาเดินชิดด้านใน (ขอร้อง)





          นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งรูปแบบของประโยคความเดียวตามลักษณะการสื่อสาร ได้แก่

ประโยคบอกเล่า
โดยมากประกอบด้วย ประธาน กริยา กรรม และอาจมีส่วนขยายต่างๆ เพื่อให้มีใจความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น
- ครูกำลังสอนหนังสือนักเรียนชั้น ป.
Image result for รุปการ์๖ุนครูกําลังสอน


- ฉันเดินไปตลาดนัดคนเดียว
Image result for รูปการ์ตูนไปตลาด



ประโยคปฏิเสธ โดยมากมักมีคำว่า ไม่ มิใช่ หามิได้ ประกอบตัวแสดง เช่น

- เขาไม่ได้มาหาฉันนานแล้ว


- ผมไม่ชอบกินผัก
Image result for รูปการ์ตูน ไม่กินผัก









ประโยคคำสั่งและขอร้อง โดยมากจะละประธานไว้ในฐานที่เข้าใจ มีเฉพาะแต่แสดง เช่น

- โปรดฟังทางนี้
Related image

 - ทำงานบ้านเดี๋ยวนี้
Image result for รุปการ์ตูน แม่เลี้ยงใจร้ายสั่งให้ทำงาน















- กรุณาถอดรองเท้า
Image result for รูปการ์ตูน กรุณาถอดร้องเท้า


ประโยคคำถาม โดยมากจะมีคำถามกำกับอยู่ต้น หรือท้ายประโยค เช่น
- หนูนาชอบกินอะไร
Related image
- เธอเรียนอยู่ชั้นไหน
Related image








- หนูเป็นลูกของใคร


Image result for รุปการ์ตูน คนแก่คุยกับเด็ก



. ประโยคความรวม (อเนกรรถประโยค)
Related image


          ประโยคความซ้อน หมายถึง ประโยคที่รวมประโยคความเดียวตั้งแต่ ๒ ประโยคขึ้นไป โดยมีคำสันธาน เช่น และแต่ หรือ ก็ เป็นตัวเชื่อม ประโยคความรวมมี ๔ ชนิด ได้แก่
.๑ ประโยคความรวมแบบคล้อยตาม จะมีเนื้อหาคล้อยตามกัน เช่น







- พนักงานดับไฟสงบแล้วจึงเข้าไปตรวจในพื้นที่

- ครั้นถูกครูดุแล้วเขาจึงตั้งใจเรียน


.๒ ประโยคความรวมแบบขัดแย้ง จะมีเนื้อความขัดแย้งกัน เช่น


- กว่าเขาจะสำนึกได้ก็สายไปเสียแล้ว


- เธอเป็นคนปากหวานแต่ก็ไม่จริงใจ


.๓ ประโยคความรวมแบบเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง จะมีเนื้อความขัดแย้งกัน เช่น


- ไม่เขาก็เธอต้องออกไปพูดหน้าห้อง


- คุณต้องการดื่มชาหรือกาแฟ

. ประโยคความซ้อน (สังกรประโยค)
Related image




          ประโยคความซ้อน คือ ประโยคที่มีใจความหลักประโยคหนึ่ง แล้วมีประโยคย่อยอีกประโยคหนึ่งซ้อนอยู่ ซึ่งประโยคย่อยนั้นอาจทำหน้าที่เป็นคำนาม ขยายนาม หรือสรรพนาม หรือขยายกริยาหรือวิเศษณ์ ประโยคความซ้อนมี ๓ ชนิด ได้แก่

.๑ นามานุประโยค
คือ ประโยคย่อยที่ทำหน้าที่แทนนาม ซึ่งนามนั้นอาจทำหน้าที่เป็นประธาน กรรม หรือส่วนเติมเต็มในประโยคก็ได้ เช่น- คนเห็นแก่ตัวเป็นคนที่สังคมรังเกียจ

- ผมชอบมองนกนางนวลบินโฉบไปมา
- นักเรียนที่สอบได้ที่ ๑ ให้ออกมารับรางวัล
- ท่านพุทธทาสภิกขุสอนว่าสิ่งทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นถือมั่น


.๒ คุณานุประโยค คือ ประโยคย่อยที่ทำหน้าที่ขยายนามหรือสรรพนาม โดยมีประพันธสรรพนามที่ ซึ่ง อัน ผู้ เป็นตัวเชื่อม เช่น
- ฉันได้รับรางวัลที่ราคาไม่แพงแต่มากด้วยคุณค่าทางจิตใจ
- เราพึงระวังความเสียงต่างๆ อันจะนำไปสู่โรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่
- เธอเป็นคนเหนือผู้ซึ่งอยากไปทำงานในภาคใต้


.๓ วิเศษณานุประโยค คือ ประโยคย่อยที่ทำหน้าที่ขยายกริยา หรือวิเศษณ์ โดยมีคำประพันธวิเศษณ์เช่น อย่างที่ เมื่อ เพื่อ เพราะ ตาม จน ตั้งแต่ เป็นตัวเชื่อม เช่น
- เธอออกกำลังกายทุกวันเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
-
นักวิ่งเป็นลมเมื่อวิ่งมาถึงเส้นชัย

- รถติดในกรุงเทพฯ เพราะมีรถมากกว่าถนน
- เขาเขียนหนังสือตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตก






















Monday, April 29, 2019

หน่วยที่๖ คำพ้อง

Image result for คำพ้อง

       คำพ้อง คือคำที่มีการเขียนหรืออ่านออกเสียงเหมือนกัน แบ่งเป็น ๒ ชนิดคือ คำพ้องรูปและคำพ้องเสียง

คำพ้องรูป คือ คำที่เขียนเหมือนกัน แต่ออกเสียงต่างกันและมีความหมายต่างกัน ในการอ่านจึงต้องระวัง การอ่านคำพ้องรูปให้ถูกต้องและสื่อความหมายได้ตรงตามเจตนาของสารต้องอาศัยบริบท
        คำพ้องรูป มี ๓ ลักษณะ คือ
          ๑. เขียนเหมือนกัน
        ๒. ออกเสียงต่างกัน
        ๓. ความหมายต่างกัน
ตัวอย่างคำพ้องรูป

Image result for คำพ้องรูป




บทประพันธ์เกี่ยวกับคำพ้องรูป
          
           ปักเป้าว่าวลอยคว้าง           อยู่เบื้องล่างปลาปักเป้า
ดุมรถเรียกว่าเพลา                  ช่างเงียบเหงาเพลาเย็น
           กรีตามควาญไป                กรีกุ้งใหญ่แหลมแลเห็น
พลีชีพเกียรติสูงเด่น                พลีกรรมนำสุขใจ


    คำพ้องเสียง คือ คำที่มีเสียงเหมือนกัน แต่สะกดแตกต่างกัน มีความหมายไม่เหมือนกัน
คำพ้องเสียง มี ๓ ลักษณะ คือ
        ๑. อ่านออกเสียงเหมือนกัน
        ๒. เขียนต่างกัน
        ๓. ความหมายต่างกัน
ตัวอย่างคำพ้องเสียง

กัน
กัน กีด บัง ห้าม
กันต์ = โกน ตัด
กรรณ = หู
กัณฐ์ = คอ
กัลป์ = ระยะเวลาอันนานเหลือเกิน
กันย์ = ชื่อราศีที่6
กัณฑ์ = ข้อความที่แต่งเป็นคำเทศน์เรื่องหนึ่งๆ



กาน
กาน = ตัด ราน
การ = กิจ ธุระ งาน
กาล = เวลา
กานท์ = บทกลอน
กาฬ = ดำ
กานต์ = เป็นที่รัก
การณ์ = เหตุ
กาญจน์ = ทอง

กุด
กุด = บึง ลำน้ำ ด้วน เหี้ยน
กุฏิ = เรือนสำหรับพระภิกษุเณร
กุฎ = ยอด

เกด
เกด = ชื่อ ต้นไม้ ,ปลาน้ำจืด,ลูกองุ่น
เกตุ = ชื่อดาว ธง
เกศ = ผม

โกด
โกฎิ = ชื่อมาตราวัดเท่ากับ 10 ล้าน
โกฐ = ชื่อเครื่องยาไทย
โกศ = ที่ใส่กระดูกผี ที่ใส่ศพ ดอกไม้ตูม
โกษ = ที่ใส่กระดูกผี โลก
โกศ = ผอบ

กะเสียน
เกษียณ = สิ้นไป
เกษียน = ข้อความที่เขียนไว้ในใบลาน ข้อความที่เขียนไว้บนหัวกระดาษคำสั่งหรือหนังสือราชการ
เกษียร = น้ำนม

เกียด
เกียด = กัน กั้น เสาที่ปักไว้กลางลาน สำหรับผูกควายในการนาดข้าว
เกียจ = คด ไม่ซื่อ โกง คร้าน
เกียรติ = ชื่อเสียง ความมีหน้ามีตา


ขัน
ขัน = ภาชนะสำหรับตักน้ำ ทำให้ตึงโดยวิธีหมุน แข็งแรง หัวเราะ การร้องของไก่หรือนก
ขัณฑ์ = ภาค ตอน ส่วน ท่อน ชิ้น
ขันธ์ = ตัว หมู่ กอง พวก หมวด
ขรรค์ = ศัสตราวุธชนิดหนึ่งมีคม 2 ข้าง

คัน
คัน = แนวดินหรือทรายที่พูนสูงขึ้น ชื่อต้นไม้ อาการที่อยากเกา
คันถ์ = คัมภีร์
คันธ์ = กลิ่นหอม
ครรภ์ = ท้อง

จัน
จัน = ชื่อตันไม้
จันท์ = ดวงเดือน
จันทน์ = ชื่อต้นไม้
จันทร์ = ดวงเดือน ชื่อเทวดา ชื่อวันที่ แห่งสัปดาห์
จัณฑ์ = ดุร้าย หยาบช้า สุราหรือเมรัย

โจด

โจท = คำถามในวิชาคณิตศาสตร์
โจทย์ = คำถามในวิชาคณิตศาสตร์
โจทก์ = ผู้กล่าวหา ผู้ฟ้องความในศาล
โจษ = พูดกันแซ็งแซ่ เล่าลือกันอิ้ออึง

ฉัด
ฉัด = เตะ
ฉัฐ = ที่6
ฉัตร = เครื่องสูงชนิดหนึ่ง

ทันทัน = ต้นพุทรา
ทันต์ = ฟัน งาช้าง ข่มแล้ว
ทันธ์ = ช้าๆ เขลา เกียจคร้าน
ทัณฑ์ = โทษที่เนื่องด้วยความผิด

นาด

นาด = ทอดแขนให้อ่อนงาม
นาฎ = นางละครนางฟ้อนรำ
นาถ = ที่พึ่ง ผู้เป็นที่พึ่ง
นาท = ความบันลือ เสียงร้อง
นาศ = ความเสื่อม การทำลาย


บาด

บาด = ทำให้เกิดเป็นแผล
บาตร = ภาชนะรับอาหารของพระภิกษุสามเณร
บาต = ตก ตกไป
บาท = ตีน เงิน ส่วนหนึ่งของคำประพันธ์
บาศ = บ่วง
บาศก์ = ลูกเต๋า ลูกสกา

พัด

พัด = เครื่องโบก โบกหมุน
พัช = ดอก
พัฒน์ = ความเจริญ
พัตร = ผ้า
พัทธ์ = ผูก ติด เนื่อง
พัสตร์ = ผ้า
พรรษ = ฝน
ภัต ภัตร = อาหาร ข้าว
ภัทร = ดี เจริญ ประเสริฐ

ประสบ
ประสบ = พบ พบปะ พบเห็น
ประสพ = การเกิดผล

พัน
พัน = จำนวน 10 ร้อย หัวหน้าทหาร วงรอบที่เป็นเส้นสาย
พันธ์ = ผูก มัด ตรึง
พันธุ์ = พวกพ้อง พี่น้อง วงศ์วาน
พรรณ = สีของผิว ชนิด
ภัณฑ์ = สิ่งของ เครื่องใช้

สัน

สัน = สิ่งที่มีลักษณะนูนสูง ปีวอก
สรรค์ = สร้างให้มีให้เป็นขึ้น
สรร = เลือก คัด
สัณฑ์ = ป่าดง เกลี้ยง นุ่มนวล
สันต์ = เงียบ สงบ สงัด
ศัล = เปลือกไม้
ศัลย = ลูกศร
ษัณ = หก

รัด

รัด = โอบรอบหรือ รวบให้กระชับ
รัต = ยินดี ชอบใจ ราตรี กลางคืน
รัตน์ = แก้ว
รัถ = รถ
รัช = ธุลี ฝุ่น ผง ความเป็นราชา
รัชต์ = เงิน
รัฐ = แว่นแคว้น บ้านเมือง